เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) คำคำนี้เราได้ยินบ่อยๆ กันใช่ไหม เวลาที่เรากินผัก ผักนั่นก็มีเบต้าแคโรทีน ผักโน่นก็มีเบต้าแคโรทีน วันนี้เรามารู้จักกับเบต้าแคโรทีนกันดีกว่า ว่าเจ้าเบต้าแคโรทีนนี้มีที่อยู่อยู่ที่ไหนบ้าง และมีประโยชน์อย่างไรบ้างต่อร่างกายของเรา
ความหมายของเบต้าแคโรทีน
เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) คือ สารเคมีอย่างหนึ่งที่มีในผักผลไม้ ที่มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง และยังเป็นตัวต้านเนื้อร้ายได้ด้วย แคโรทีนเป็นสารสีเหลืองส้ม มีมาก มะเขือเทศ ฟักทอง และแครอท แต่ในผักสีเขียว ก็มีเบต้าแคโรทีนได้เหมือนกัน เรามองเห็นสีเขียว ก็เพราะว่าสีของคลอโรฟิลล์บดบังสีของเบต้าแคโรทีนนั่นเอง
ประโยชน์ของเบต้าแคโรทีน
🔴 คุณสมบัติพิเศษอย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ต้น คือการเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) สารตัวนี้จะช่วยในการกำจัดเหล่าอนุมูลอิสระที่ถือว่าเป็นสารตัวร้ายเลยทีเดียว เกิดขึ้นได้ทั้งจากร่างกายเราสร้างขึ้นมาเองและการที่เราไปรับมาจากภายนอก สาเหตุการเกิดอนุมูลอิสระจากการรับจากภายนอก เช่น ก๊าซออกซิเจนที่หายใจเข้าไปแล้วเหลือเกินความจำเป็น สารจากมลภาวะ โลหะหนัก สีผสมอาหารและอื่นๆ อีกมากมาย เจ้าอนุมูลอิสระนี้จะเข้าไปทำลายส่วนต่างๆ ได้ จนเป็นเหตุให้เซลล์มีการเจริญเติบโตผิดปกติ และเป็นสาเหตุของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งในกล่องเสียง ช่องปาก ตับ กระเพาะอาหาร รวมไปถึงโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน โรคต้อในผู้สูงอายุ เบต้าแคโรทีนจะช่วยในการกำจัดเหล่าอนุมูลอิสระ ด้วยการทำปฏิกิริยาต้านการเกิดออกซิเดชั่นระหว่างอนุมูลอิสระกับสารสำคัญในเซลล์ที่มีชีวิต โดยแย่งทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระเสียก่อน แล้วขับถ่ายออกไปตามระบบขับถ่ายต่างๆ ของร่างกาย เซลล์ของเราก็รอดชีวิตจากขบวนการในการทำลายโดยอนุมูลอิสระดังกล่าว เราเรียกขบวนการในการแย่งทำปฏิกิริยาของเบต้าแคโรทีนกับอนุมูลอิสระว่า การต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น หรือ แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) นั่นเอง
🔴 เบต้าแคโรทีน จะถูกเปลี่ยนเป็น วิตามินเอ โดยเอนไซม์ในลำไส้ใหญ่ ในขนาดที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เบต้าแคโรทีน 6 หน่วย จะให้วิตามินเอ 1 หน่วย มีประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณเป็นอย่างยิ่ง
🔴 ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่เหี่ยวย่น ส่งผลไปยังเซลล์ที่ขึ้นใหม่ให้มีสุขภาพดีด้วย
🔴 วิตามินเอที่ได้ ยังมีประโยชน์ต่อดวงตาของเราด้วย เพราะร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรดอปซิน (Rhodopsin) ในดวงตา ส่วนเรตินา (Retina) ทำให้เรามีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ และนอกจากนั้น เบต้าแคโรทีนยังลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา และลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก (Cataracts) ด้วย
เบต้าแคโรทีนในแต่ละวัน
ในแต่ละวันเราได้รับเบต้าแคโรทีนน้อยมาก เพราะเบต้าแคโรทีนถูกทำลายได้ง่ายมาก เช่น การแปรรูปมะเขือเทศ เบต้าแคโรทีนบางส่วนจะถูกทำลายด้วยความร้อน มิหนำซ้ำร่างกายคนเรายังคงดูดซึมเบต้าแคโรทีนได้เพียง 25-27% เท่านั้นเอง ตังนั้น จึงควรที่จะรับประทานให้ได้อย่างเหมาะสมจะดีที่สุด การรับประทานเบต้าแคโรทีนนั้น มีสองทางเลือก คือ
1. หากต้องการรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสื่อม โดยทั่วไปสามารถทานได้วันละ 4,000-5,000 IU (International Unit)
2. หากต้องการรับประทาน เพื่อการรักษาภาวะความเสื่อมที่เป็นอยู่ สามารถทานได้ถึง 10,000-20,000 IU ต่อวัน โดยให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ หรือเภสัชกร จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ผักและผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากจะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ยังช่วยกำจัดโรคร้ายได้ด้วยเช่นกัน การรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศ เช่น น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวผสมมะเขือเทศ ก็อาจเป็นตัวช่วยให้คุณได้คุณค่าจากเบต้าแคโรทีนที่ครบถ้วนได้เหมือนกัน