Description
โกลด์ ซี (GOLD C)
โดยส่วนมาก เมื่อเราพูดถึงวิตามินซีเรารู้กันอยู่แล้วว่าการได้รับวิตามินซีเพียงพอจะส่งผลดีต่อสุขภาพเราในหลายๆด้าน และเมื่อเราพูดถึงแหล่งวิตามินซีจากธรรมชาติ เรามักจะนึกถึงส้ม แต่รู้หรือไม่ว่า ในส้ม 1ถ้วย (100 กรัม) นั้นมีปริมาณของวิตามินซี 95.8 มิลลิกรัม แต่จากผลการวิจัยของ USAD เราได้พบว่ามีผลไม้เมืองร้อนชนิดหนึ่งที่มีปริมาณวิตามินซีที่สูงมากเมื่อเทียบในอัตราส่วนเดียวกัน นั่นก็ได้แก่ Acerola Cherry (อะเซโรล่าเชอร์รี่) ซึ่งในอะเซโรล่าเชอร์รี่ 1 ถ้วย (100 กรัม) จะให้ปริมาณวิตามินซีสูงถึง 1,644 มิลลิกรัม และจากผลการวิจัยของ Purdue University พบว่าเมื่อเทียบประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ ระหว่างอะเซโรล่าเชอร์รี่และผลไม้ประเภทต่างๆก็พบว่าอะเซโรล่าเชอร์รี่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหมด สิ่งที่ทำให้อะเซโรล่าเชอร์รี่นั้นเป็นที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกคือเรื่องของการป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการวิจัยจาก The School of Medicine at the University of Puerto Rico ในปี 1945 โดยทีมวิจัยได้ศึกษาจากชนเผ่าพื้นเมืองที่รับประทานอะเซโรล่าเชอร์รี่เป็นประจำนั้นไม่มีผลกระทบจากไข้หวัดเลย เมื่อพบข้อมูลดังกล่าวนี้แล้วอะเซโรล่าเชอร์รี่จึงถูกแพร่ขยายปลูกออกไปอย่างแพร่หลายและใช้ในการป้องกันและรักษาโรคมาจนถึงทุกวันนี้
อะเซโรล่าเชอร์รี่นั้นเป็นแหล่งสารอาหารต้านอนุมูลอิสระที่สูงที่สุดในอันดับต้นๆของผลไม้ทั้งหมด เพราะนอกจากปริมาณวิตามินซีที่สูงแล้ว ยังมีสารพฤกษเคมีในกลุ่ม แอนโธไซยานิน (Anthocyanins) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) และอุดมไปด้วยแร่ธาตุวิตามินอื่นๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี โพแทสเซียม แมกนีเซียม โฟเลท เหล็ก ทองแดง สังกะสี ซีลีเนียม และฟอสฟอรัสอีกด้วย
ประโยชน์ของอะเซโรล่าเชอร์รี่ (Acerola Cherry) กับความงาม เพื่อผิวขาวใส
ประโยชน์ของอะเซโรล่าเชอร์รี่ (Acerola Cherry) คอลลาเจน Collagen ctp Collagen อะเซโรล่าเชอร์รี่เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ สูงประมาณ 6 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร ผลของอะเซโรล่าเชอร์รี่อาจเป็นผลเดี่ยวหรือเป็นช่อประมาณ 2-3 ลูก มีลักษณะแป้นถึงกลมคล้ายเชอร์รี่ แต่มี 3 หยัก ขนาดกว้างประมาณ 1.25 – 2.5 เซนติเมตร กลิ่นคล้ายแอปเปิ้ล ผิวบางมัน สีแดง เนื้อชุ่มน้ำสีส้ม รสเปรี้ยว หรืออมเปรี้ยวจนเกือบหวาน ใน 1 ผลจะมี 3 เมล็ด เนื่องจากผลของอะเซโรล่าเชอร์รี่มีผิวที่ค่อนข้างบางจึงทำให้กช้ำง่าย และเสื่อมสภาพร็ว หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วจะเกิดกระบวนการหมักอย่างรวดเร็ว (ประมาณ 3-5 วัน) และถ้าไม่เก็บไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำ (7 องศาเซลเซียส) จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้ง่าย โดยถ้าต้องการเก็บเอาไว้นานๆแต้องเก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า -12 องศาเซลเซียส จึงนิยมนำมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมความงามและอาหารเสริมต่างๆ เพื่อผิวขาวหน้าใส เช่น ผงขัดผิว สบู่หรือเจลล้างหน้า คอลลาเจน หรือเป็นส่วนผสมในครีม และ เครื่องสำอางต่างๆ เป็นต้น
อะเซโรล่าเชอร์รี่เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระคือวิตามินซี มีโปรตีนและแร่ธาตุสูงโดยเฉพาะเหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียมและมีสารสำคัญอีกตัวหนึ่งชื่อ Trans – beta – carotene ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย มีปริมาณของไขมันอิ่มตัวและโซเดียมต่ำ ไม่มีคลอเรสเตอรอล และจากผลการวิจัยพบว่ามีวิจามินซีสูงกว่าส้มถึง 30-80 เท่่า
ประโยชน์ของวิตามินซี
1.เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลาย ช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้เสื่อมตัวเร็ว ช่วยให้ผิวหน้าขาว ใส สุขภาพดี
2.ช่วยลดการติดเชื้อหวัด ช่วยต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับวิตาซีเป็นประจำจะเป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับ
3.ช่วยลดการแพ้ต่างๆ รวมทั้งโรคภูมิแพ้ โดยยับยั้งสารฮีสตามิน ซึ่งร่างกายสร้างขึ้นมา หากมากเกินไปจะทำให้มีอาการระคายเคืองตามระบบหายใจ ทำให้จามและมีน้ำมูกไหล
4.ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนจำเป็นสำหรับเนื้อเยื่อที่ผิวหนัง
5.ช่วยป้องกันและรักษาสีเมลานินที่ผิดปกติ ลดรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ รอยด่างดำตามร่างกาย ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ผิวพรรณสว่างสดใส ขาวใสได้ต่อเนื่องยาวนาน
6.มีงานวิจัยบางชิ้นยังบอกถึงฤทธิ์ของวิตามินซีในด้านอื่นๆเช่น ช่วยการเจริญเติบโตในเด็กเล็ก ช่วยลดจำนวนเซลล์มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายออกไป ช่วยลด LDL เป็นต้น และเนื่องจากอะเซโรล่าเชอร์รี่มีวิตามินซีสูงมาก จึงมีการปลูกเป็นอุตสาหกรรม เพื่อนำมาผลิตวิตามินซีในรูปต่างๆ เช่น ผง เม็ด แคปซูล น้ำผลไม้ เป็นต้น แต่เนื่องจากวิตามินซีจะสลายตัวเมื่อมีความร้อน จึงต้องสกัดน้ำอะเซโรล่าเชอร์รี่ที่อุณหภูมิต่ำประมาณ -195 องศาเซลเซียส และผลอะเซโรล่าเชอร์รี่ 18 กิโลกรัมจะสกัดเป็นน้ำได้ 1 กิโลกรัม จากนั้นนำมาทำให้แห้ง เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป
ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล