เป็นที่น่าสังเกตกับอีกหนึ่งสารอาหารที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ นั่นคืออาหารเสริมที่มีชื่อว่า กลูต้าไธโอน (Glutathione) กลูต้าไธโอนหรือที่เรามักได้ยินคนที่ชื่นชอบการเสริมสวย เสริมสุขภาพเรียกกันสั้นๆ ว่า กลูต้า เป็นอีกหนึ่งชื่อที่มีอิทธิพลไม่น้อยเลยเมื่อพูดถึงเรื่องราวของความงาม ซึ่งชื่อนี้มักเกี่ยวพันกับด้านความงามมากกว่าด้านสุขภาพ ทั้งที่แท้จริงแล้วหากกล่าวถึง กลูต้าไธโอนให้รอบด้านแล้ว ชื่อนี้เกี่ยวข้องทั้งเรื่องของสุขภาพ เรื่องของคำถามที่ว่า กลูต้าไธโอน แท้จริงมีคุณสมบัติอย่างไร และมีอันตรายหรือไม่ วันนี้เรามีเรื่องราวมาให้ลองพิจารณากันเกี่ยวกับหลากเรื่องราวของกลูต้าไธโอนในแง่มุมของสุขภาพ
ที่มาของกลูต้าไธโอน
กลูต้าไธโอน (Glutathione) แท้จริงแล้วมันคือสารประเภทไตรเปปไทด์ หรือ กรออะมิโน 3 ชนิด คือ ซีสเทอีน (cysteine), กรดกลูตามิก (glutamic acid) และ ไกลซีน (glycine) ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้เป็นสารอาหารที่ร่างกายของคนเราสามารถสังเคราะห์ได้จากสิ่งที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน ว่ากันง่ายๆ ก็คือ ร่างกายสามารถผลิตเองได้นั่นเองตามธรรมชาติ กรดอะมิโน 3 ตัว ซีสเทอีน, กรดกลูตามิก และ ไกลซีน ซึ่งประกอบรวมเป็น กลูต้าไธโอน คือตัวการที่มีบทบาทสร้างคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพ เพราะว่ากลูต้าไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่นเดียวกับ วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งมีความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระจึงทำให้วิตามิน C วิตามิน E และ กลูต้าไธโอน ถูกนำไปโยงถึงเรื่องราวของความสวยความงาม ความอ่อนเยาว์ ความขาว ในทิศทางเดียวกัน เมื่อกล่าวว่าเราสามารถเสาะหา กลูต้าไธโอน ได้จากธรรมชาติ แล้วอาหารจานไหนในชีวิตจริงของเราที่มีสารที่นำไปผลิตเป็นกลูต้าไธโอนได้บ้าง คำตอบก็คือเมนูธรรมดาๆ อย่างเช่น มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี เนื้อปลา ฯลฯ นอกจากเมนูธรรมชาติที่เราพบได้ในมื้อประจำวัน หากอยากให้กระบวนการสังเคราะห์กลูต้าไธโอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายยังต้องการสารอาหารเพื่อสนับสนุนอีก ได้แก่ วิตามินบี 6 วิตามินบี 2 ซิลีเนียม ฯลฯ หากจะปฏิบัติให้ง่ายที่สุดและดีที่สุด เพื่อส่งเสริมร่างกายก็คือ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
การทำงานของกลูต้าไธโอนต่อสุขภาพ
ตอนนี้คุณได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมแล้วว่า กลูต้าไธโอน สร้างได้จากการรับประทานอาหารที่เอื้อต่อการสังเคราะห์ กลูต้าไธโอน คือสารหนึ่งที่มีประโยชน์ที่คล้ายคลึงกับวิตามินซี วิตามินอี นั่นคือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย กลูต้าไธโอนทำงานให้ร่างกายของคุณ โดยแบ่งเป็นหน้าที่หลัก 3 ประการ คือ
🔴 Detoxification หรือการขนส่งสารพิษออกจากร่างกาย กลูต้าไธโอนทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดสารพิษ หรือดีท็อกซ์ แต่เป็นการดีท็อกซ์แบบเชี่ยวชาญกับสารพิษชนิดที่ไม่ละลายน้ำหรือละลายในน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นพวกโลหะหนัก พวกสารพิษที่ปลอมปนกับอาหาร จำพวกยาฆ่าแมลง นอกจากคุณสมบัติสุดพิเศษนี้ กลูต้าไธโอนยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังพิทักษ์รักษาตับจากแอลกอฮอล์ สารพิษที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ป้องกันจากการรับประทานยาพาราเซตามอลที่เกินขนาด หรือโอเวอร์โดส
🔴 Antioxidant ต้านอนุมูลอิสระ บทบาทการพิทักษ์ความแก่ ใช่แล้ว กลูต้าไธโอน ดูคล้ายเป็นญาติกับวิตามิน และสารอาหารทุกชนิดที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่คอยดูแลความแข็งแรงของภูมิต้านทาน กำจัดอนุมูลอิสระที่เป็นตัวก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงการเกิดรอยเหี่ยวย่นตามวัย นอกจากนี้ยังต้านอนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิวพรรณ ทำให้หมองคล้ำ สิวฝ้า กระดำ โดยสารต้านอนุมูลอิสระจากกลูต้าไธโอน จะทำงานร่วมไปกับสารแอนตี้ออกซิแดนท์ตัวอื่นๆ ด้วย
🔴 Immune Enhancer ตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยกลูต้าไธโอนจะทำหน้าที่ประสานงานกับเอนไซม์ต่างๆ เพื่อให้ร่วมกันจัดการกับสิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสิ่งปลอมปนที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งร่างกายก็เสมือนถูกสร้างฐานความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น ความเป็นของการได้รับ กลูต้าไธโอน อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ร่างกายของเราสามารถผลิตและสังเคราะห์กลูต้าไธโอนเองได้ ด้วยวินัยทางสุขภาพ คุณใส่ใจตัวเองมากคุณย่อมดูแลระดับกลูต้าไธโอนได้เอง แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วระดับปริมาณกลูต้าไธโอน จะถูกใช้ไปในเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายและผลิตได้น้อยลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเซลล์ต่างๆ ก็เสื่อมประสิทธิภาพไป และในกรณีต่อไปนี้คือกรณีที่ร่างกายผลิตกลูต้าไธโอนได้น้อย จำเป็นต้องรับมากขึ้น
– ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยไข้
– ป่วยด้วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเอชไอวี
– สูบบุหรี่ ดื่มสุราจัด พักผ่อนน้อย
– ผู้ที่มีความบกพร่องทางระบบประสาท (โดยกลูต้าไธโอนจะถูกใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับระบบประสาท)
กลูต้าไธโอน นอกจากจะทำให้เรื่องของความขาวและความสวยแล้ว วันนี้ได้ลองดูอีกแง่มุมอื่นของกลูต้าไธโอน นี่อาจจะเป็นตัวอย่างเล็กๆ ให้คุณได้ลองทำความรู้จักกับอาหารเสริมก่อนที่จะบริโภค