ช่วงเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล โรคที่มักพบอยู่บ่อย ๆ ในทุก ๆ ปี มักเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิแพ้ ซึ่งเป็นอาการป่วยของประชากรมากกว่า 40% ในโลก โดยส่วนใหญ่การเกิดโรคภูมิแพ้มักเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ไม่ว่าจะกินยาหรือรักษาดีแค่ไหนก็มักเป็น ๆ หาย ๆ อยู่ตลอด โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง
วงการแพทย์ทั่วโลกใช้ความพยายามอย่างมากในการคิดค้นวิธีการรักษาและดูแลสุขภาพที่จะทำให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีพอ ทั้งนี้เพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือ Immune System เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับความเจ็บไข้ได้ป่วย หากระบบภูมิคุ้มกันดีก็จะทำหน้าที่เป็นกลไกป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคตามธรรมชาติและสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้ามาทำร้ายร่างกายได้ดี แต่หากระบบภูมิคุ้มกันไม่ดี โอกาสที่จะเจ็บป่วยได้บ่อย ๆ ก็มีมาก เบต้ากลูแคน หนึ่งในสารสกัดที่การแพทย์ทั่วโลกให้การยอมรับว่ามีส่วนในการปรับสมดุลของร่างกายและภูมิคุ้มกันได้ดี มีการศึกษาการใช้เบต้ากลูแคนทดลองรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งชนิดต่าง ๆ และพบว่า การใช้เบต้ากลูแคนร่วมกับการใช้เคมีบำบัด (chemotherapy) สามารถทำให้ผลการรักษาผู้ป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารอยู่ได้นานขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีรายงานว่าเบต้ากลูแคนสามารถช่วยการรักษาในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกและในผู้ป่วยมะเร็งของศีรษะและลำคอ โดยสามารถช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้มีอัตราการรอดชีวิตอยู่ได้นานขึ้น
รายงานการศึกษาวิจัยระบุว่า กลไกการทำงานของเบต้ากลูแคนอาจไม่ได้ทำหน้าที่ฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง แต่นักวิทยาศาสตร์พบว่า สารดังกล่าวมีบทบาทในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน (immune system) เพื่อต่อสู้กับเนื้องอกและแบคทีเรีย ทั้งยังมีการศึกษาพบว่าการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันนี้สามารถช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS) มีอาการดีขึ้น การถูกคุกคามจากโรคแทรกซ้อนน้อยลง
มีคำถามว่า แล้วจะหาสารเบต้ากลูแคนได้จากที่ไหน…
เบต้ากลูแคน เป็น สารในกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ ที่พบได้ในพืชผักสมุนไพร และธัญพืชบางชนิด เช่น สาหร่าย โสม ชะเอมเทศ ข้าวบาร์เลย์ แต่ที่พบมากที่สุดคือ ใน “เห็ด” บางชนิด โดยเฉพาะเห็ดทางการแพทย์
ในประเทศญี่ปุ่น มีการค้นคว้า และพบว่า สารธรรมชาติในกลุ่มเบต้ากลูแคน สามารถพบได้ในเห็ดทางการแพทย์ (Medicinal Mushroom) หลายชนิด เช่น เห็ดไมตาเกะ (Maitake Mushroom) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งเห็ด” เพราะเป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่มาก ในบางพื้นที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีจนมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 50 เซนติเมตร และมีน้ำหนักได้ถึงเกือบ 180 กิโลกรัม เจริญเติบโตได้ในป่าตามธรรมชาติบนไม้เนื้อแข็ง พบมากในทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป
ไมตาเกะ เป็นเห็ดที่มีประวัติถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรคในตำราการแพทย์แผนจีน และญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานกว่าศตวรรษในแง่ของการเป็นตำรับยาช่วยเสริมสร้าง ความแข็งแรงให้กับร่างกาย ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ได้มีการนำเห็ดทางการแพทย์ชนิดอื่น ๆ อาทิ ยามา บูชิตาเกะ ถั่งเช่า เห็ดหลินจือ หรือเรอิชิ เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดหอม เห็ดกระดุม และเห็ดนางรม มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและใช้เป็นตัวยา เพื่อสร้างเสริมสุขภาพและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งก็พบว่า เห็ดทางการแพทย์เหล่านี้มีฤทธิ์ในการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันคอเลสเตอรอลสูง ป้องกันโรคหลอดเลือด ต้านมะเร็ง ต้านเชื้อไวรัส ต้านแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ป้องกันโรคตับและป้องกันเบาหวาน โดยมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญคือ ไกลโคโปรตีน โพลีแซคคาไรด์ และไตร-เทอร์พีนอยด์ที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเห็ด ในผู้ป่วยมะเร็ง พบว่าเห็ดทางการแพทย์บางชนิดช่วยลดผลข้างเคียงของเคมีบำบัดและการฉายรังสีในประเทศญี่ปุ่น จีน และเกาหลี มีการนำเห็ดไมตาเกะ เห็ดหลินจือ ถั่งเช่าและเห็ดชิตาเกะ มาใช้ร่วมกับรังสีรักษาหรือเคมีบำบัด เห็ดหลายชนิดมีการนำไปใช้เป็นยาโป๊วหรือยาบำรุงในการแพทย์แผนจีน เนื่องจากมีส่วนช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ปรับสมดุลการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคภูมิแพ้
สำหรับเบต้ากลูแคนมีการรวบรวมสรรพคุณไว้ระบุว่า เป็นสารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงช่วยสร้างสมดุล ทำให้อาการภูมิแพ้ของผู้ป่วยดีขึ้น ช่วยในการฟื้นตัวของเม็ดเลือดต่าง ๆ ในไขกระดูก ต้านอนุมูลอิสระ ลดไขมันและน้ำตาลในเส้นเลือด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดฮอร์โมนแห่งความเครียด และลดอันตรายจากโลหะหนัก และเพราะกระแสการดูแลสุขภาพตามวิถีธรรมชาติกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ๆ หลายคนจึงแสวงหาทางเลือกใหม่ในการดูแลสุขภาพ ป้องกันตนเองจากการเจ็บป่วย ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าเห็ดทุกชนิดจะสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้หมด ต้องพิจารณาเลือกรับประทานตามความเหมาะสม เพราะยังมีสายพันธุ์เห็ดอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการวิเคราะห์ทางเภสัชวิทยาหรือพืชสมุนไพร ซึ่งนอกจากจะไม่ได้รับคุณค่าทางอาหารแล้ว อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
สำหรับการรับประทานเห็ดเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันนั้น ไม่ใช่เพียงการนำเห็ดมาประกอบอาหารเท่านั้น ทว่าจะต้องนำมาผ่านกระบวนการสกัดเพื่อให้คงคุณค่าของเห็ดทางการแพทย์อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะการสกัดเข้มข้นจะช่วยให้ได้รับปริมาณของสารเบต้ากลูแคนและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพอื่น ๆ มากกว่าการกินจากเห็ดสดหรือการเตรียมเอง