แคลเชียมมีอยู่ในอาหารทุกชนิดที่เจริญจากพื้นดิน พื้นดินให้ธาตุแคลเซียมกับพืชเพื่อให้พืชมีโครงร่างที่แข็งแรง สัตว์กินพืชทั้งหลาย ไม่ว่าวัว ควาย แพะ แกะ ก็ได้รับแคลเซียมจากพืชอีกต่อหนึ่ง เราเองได้รับการสอนมาให้กินนม เพื่อจะได้ธาตุแคลเซียมมาสร้างกระดูก แถมบอกด้วยว่าแคลเซียมจากนมเป็นแคลเซียมที่สามารถนำไปใช้ได้ง่ายกว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ วัว ควาย แพะ แกะ คงเป็นโรคกระดูกพรุนกันเป็นแถวแล้ว เพราะว่ากินแต่พืช แหล่งของแคลเซียมที่เราควรรับประทานให้มาก ก็คือผักใบเขียวทั้งหลาย ถั่ว เต้าหู้ และปลา ผักในบ้านเราที่พบว่า มีแคลเซียมมาก เช่นใบยอ ใบชะพลู ยอดแค ยอดสะเดา ผักคะน้า นอกจากนี้ในงาดำ ถั่วแดงหลวง ถั่วเหลือง เมล็ดบัว ก็มีแคลเซียมมากเช่นกัน

ปรุงอาหารอย่างไรให้สูญเสียแคลเซียมน้อยที่สุด

พืชผักทั้งหลาย แคลเซียมจะอยู่ที่บริเวณใกล้ผิวใบหรือก้าน แม้ความร้อนจะไม่มีผลต่อการสูญเสียแค่แคลเซียมก็อาจสูญเสียได้ โดยไปกับน้ำที่เราเติมลงไปเวลาทำอาหารนั่นเอง ดังนั้นในการปรุงอาหารไม่ว่าจะเป็นการต้มผัดก็ควรใช้น้ำแต่น้อย ถ้าจะหั่นผัก ก็หั่นให้ชิ้นใหญ่ขึ้นหน่อย พื้นที่ผิวที่จะไปสัมผัสกับน้ำจะได้น้อยลง

เสริมอย่างไร…ให้ได้ประโยชน์

มาถึงตรงนี้คิดว่าคงจะมีคำตอบแล้วว่าเสริมแคลเซียมอย่างไร ให้ได้ประโยชน์ แคลเซียมสูงอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบสุดท้ายแน่นอน ต้องพร้อมทั้งเรื่องของความสมดุลระหว่างแคลเซียมและฟอสฟอรัส ต้องมีวิตามินดีที่จะมาช่วยในเรื่องของการดูดซึม ต้องระวังปัจจัยอื่นๆ ที่จะมาเป็นอุปสรรคขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม ต้องมีการดูแลสุขภาพที่จะป้องกันการสูญเสียแคลเซียมและที่หลายคนมักไม่ค่อยลงทุนกัน ทั้งที่แทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ก็คือการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังที่จะกระตุ้นกระดูก เช่น การเดิน การวิ่ง ออกแรง ซักสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 1 ครั้ง ครั้งละแค่ 20-30 นาที เท่านั้นเอง ชวนกันไปออกกำลังกันทั้งครอบครัวยิ่งดี นอกจากจะเป็นครอบครัวที่มีสุขภาพดีแล้ว ก็ยังเป็นครอบครัวที่มีความสุขและความอบอุ่นอีกด้วย